ปัจจุบันการ ตัดต่อวิดีโอ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์และผู้ใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการทำคลิป TikTok, YouTube หรือการทำวิดีโอโปรโมทธุรกิจ แอปตัดต่อวิดีโอที่ดีจะช่วยให้คุณสร้างสรรค์วิดีโอคุณภาพได้ง่ายขึ้น

ในบทความนี้ เราได้รวบรวม 10 แอปตัดต่อวิดีโอที่ดีที่สุด ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน พร้อมฟีเจอร์เด่นที่เหมาะกับทุกความต้องการ

1. CapCut

CapCut เป็นแอปตัดต่อวิดีโอฟรีที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้ใช้ TikTok และ YouTube Shorts ด้วยฟีเจอร์ครบครันและใช้งานง่าย

จุดเด่น:

• มีฟีเจอร์เทมเพลตอัตโนมัติ
• เพิ่มเอฟเฟกต์และฟิลเตอร์ได้หลากหลาย
• รองรับการตัดต่อเสียงและข้อความ

เหมาะสำหรับ:

• มือใหม่ที่ต้องการแอปใช้งานง่าย

2. Adobe Premiere Rush

แอปจาก Adobe ที่ออกแบบมาเพื่อการตัดต่อวิดีโออย่างมืออาชีพ แต่ยังคงความง่ายต่อการใช้งานบนมือถือ

จุดเด่น:

• อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
• ซิงค์งานกับ Adobe Premiere Pro บนคอมพิวเตอร์
• มีเครื่องมือแก้ไขเสียงและเอฟเฟกต์พื้นฐาน

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ใช้ Adobe Ecosystem

3. VN Video Editor

แอปฟรีที่มีฟีเจอร์ครบครันและไม่มีลายน้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการงานตัดต่อคุณภาพสูง

จุดเด่น:

• เพิ่มเอฟเฟกต์และการปรับแต่งได้ละเอียด
• รองรับการแก้ไขหลายแทร็ก
• ไม่มีโฆษณาหรือการซื้อตัวเสริม

เหมาะสำหรับ:

• ครีเอเตอร์ที่ต้องการงานคุณภาพ

4. InShot

แอปยอดนิยมสำหรับการตัดต่อวิดีโอสั้น เหมาะกับผู้ใช้ Instagram และ TikTok

จุดเด่น:

• เครื่องมือปรับแต่งพื้นฐานครบถ้วน
• เพิ่มเพลง ฟิลเตอร์ และสติกเกอร์ได้ง่าย
• อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ต้องการสร้างคอนเทนต์ไวรัล

5. Kinemaster

แอปตัดต่อวิดีโอที่มีฟีเจอร์ขั้นสูงและเหมาะสำหรับผู้ใช้งานมือโปร

จุดเด่น:

• รองรับการตัดต่อหลายเลเยอร์
• เอฟเฟกต์และการปรับแต่งเสียงระดับมืออาชีพ
• มีฟีเจอร์ Chroma Key สำหรับตัดฉากหลัง

เหมาะสำหรับ:

• คอนเทนต์ครีเอเตอร์มือโปร

6. iMovie (เฉพาะ iOS)

แอปตัดต่อวิดีโอฟรีจาก Apple ที่ให้คุณภาพการตัดต่อที่ดีเยี่ยม

จุดเด่น:

• อินเทอร์เฟซสะอาดและใช้งานง่าย
• รองรับการตัดต่อวิดีโอ 4K
• มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือก

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ใช้งาน iPhone และ iPad

7. PowerDirector

แอปตัดต่อที่มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงและประสิทธิภาพการตัดต่อที่รวดเร็ว

จุดเด่น:

• รองรับการตัดต่อ 4K
• มีเอฟเฟกต์และเทมเพลตสำเร็จรูป
• ปรับแต่งเสียงและสีได้อย่างละเอียด

เหมาะสำหรับ:

• ครีเอเตอร์ที่ต้องการงานคุณภาพสูง

8. FilmoraGo

แอปตัดต่อวิดีโอฟรีที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์หลากหลาย

จุดเด่น:

• เพิ่มฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ได้หลากหลาย
• รองรับการใส่เพลงและข้อความ
• ไม่มีลายน้ำในเวอร์ชันฟรี

เหมาะสำหรับ:

• ผู้เริ่มต้นและครีเอเตอร์ทั่วไป

9. Splice

แอปตัดต่อวิดีโอที่เน้นความเรียบง่ายและการตัดต่อแบบมืออาชีพ

จุดเด่น:

• อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
• มีเครื่องมือปรับแต่งเสียงขั้นสูง
• เพิ่มเอฟเฟกต์และฟิลเตอร์ได้

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ต้องการตัดต่อวิดีโอแบบรวดเร็ว

10. VivaVideo

แอปตัดต่อวิดีโอยอดนิยมสำหรับการสร้างวิดีโอสนุกสนาน

จุดเด่น:

• เพิ่มเพลง เอฟเฟกต์ และฟิลเตอร์ได้ง่าย
• มีเครื่องมือสำหรับการตัดต่อพื้นฐาน
• รองรับการแชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ต้องการทำวิดีโอไวรัล

สรุป

การเลือกแอปตัดต่อวิดีโอที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและระดับความเชี่ยวชาญของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นแอปฟรีสำหรับมือใหม่อย่าง CapCut และ VN Video Editor หรือแอปมือโปรอย่าง Adobe Premiere Rush และ Kinemaster การเลือกแอปที่เหมาะสมจะช่วยให้การสร้างสรรค์วิดีโอของคุณสนุกและง่ายยิ่งขึ้น

เลือกแอปที่ใช่ แล้วเริ่มสร้างผลงานวิดีโอคุณภาพได้เลย!

Designed by Freepik